
ภารกิจแรกที่เป็นบททดสอบสำหรับวิทยาคือการแจ้งเกิดสีนิปปอน วีนิเลกซ์ ไฮบริดชิลด์ ชนิดกึ่งเงา หากมองเพียงผิวเผินอาจไม่ใช่เรื่องยาก เนื่องจากเป็นการต่อยอดผลิตภัณฑ์ในตระกูลวีนิเล็กซ์ที่โลดแล่นอยู่ในตลาดมานานพอสมควร ส่งผลให้แบรนด์ของผลิตภัณฑ์เป็นที่รู้จักในระดับหนึ่งแล้ว แต่การส่งผลิตภัณฑ์เข้าสู่สนามช้ากว่าคู่แข่ง การจะทำให้สินค้าเป็นที่ยอมรับอาจไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายนัก
“การเข้าตลาดก่อนหรือหลังไม่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค หากสินค้ามีคุณภาพดีกว่าย่อมได้รับการตอบรับ ผู้บริโภคยุคนี้มองที่คุณภาพเป็นสำคัญ ถ้าเลือกที่ราคาถูกก็อาจเลือกได้ แต่ต้องถามว่า ตอบสนอง Need หรือเปล่า สีวีนิเลกซ์ ไฮบริดชิลด์ไม่ได้ตอบสนองแค่ Basic Need เท่านั้น แต่ยังไร้สารพิษเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผลิตภัณฑ์ของเราเป็น Green Product”
การเปิดตัวสีนิปปอน วีนิเลกซ์ ไฮบริดชิลด์ ชนิดกึ่งเงา ไม่เพียงแต่จะเป็นงานแรกของวิทยาเท่านั้น หากแต่ยังเป็นการประกาศให้กับผู้เล่นรายอื่นในตลาดได้รับรู้ว่า จากนี้ไปนิปปอนเพนต์จะเดินเกมรุกในผลิตภัณฑ์ Decorative มากขึ้น จากที่เป็นหนึ่งในผู้นำตลาดสีอุตสาหกรรมด้วยส่วนแบ่งทางการตลาด 30% มาเสียนาน และแน่นอนว่า การสร้างแบรนด์ย่อมเป็นอีกภารกิจหนึ่งของวิทยาที่ต้องทำควบคู่ไปกับการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาด
“เมื่อพูดถึงแบรนด์นิปปอนเพนต์ ผมคิดว่า ทุกคนรู้จัก Top of Mind ของผู้บริโภคคือคุณภาพ เราจะให้ผู้บริโภคได้รับสินค้าที่แตกต่างไปจากอดีตคงไม่ได้ เพราะฉะนั้นการทำตลาดจะเน้นไปที่ความทนทาน โดยเฉพาะความเป็นคนช่างเลือก ซึ่งเป็น Overall Direction ของสีที่จะเปิดตัวในปีนี้ เราจะใช้ข้อความว่า ช่างเลือก...เลือกสีนิปปอนเพนต์ มาสื่อสารกับผู้บริโภค เพราะเป็นคำที่ตีความได้ 2 ด้าน ด้านแรก สีเป็นเรื่องของช่าง ช่างทาสีเป็นผู้เลือก และเลือกเรา อีกด้านหนึ่งสะท้อนไปถึงความเป็นคนช่างเลือกของเจ้าของบ้านที่มีความรู้ในการใช้สีมากขึ้น หากคุณเป็นคนที่ช่างเลือกก็เลือกเรา”
“แต่การทำตลาดและสร้างแบรนด์ เราจะหวังเพียงแค่การโฆษณาผ่านสื่อคงไม่พอ การเข้าถึงผู้บริโภค การสร้างการรับรู้ในแบรนด์ การสร้าง Relationship ระหว่างบริษัทผู้ผลิตกับผู้บริโภคเป็นสิ่งจำเป็น และมีบทบาทค่อนข้างสูง ลูกค้าต้องมีเหตุผลในการซื้อมากกว่าเห็นโฆษณาแล้วออกไปซื้อ สีไม่เหมือนสบู่ ยาสีฟัน หรือขนมขบเคี้ยว กว่าจะซื้อต้องใช้เวลา ต้องมี Need ในการทาสีบ้าน ถ้าบังเอิญว่าเขากำลังจะทาบ้านแล้วไปเห็นโฆษณาก็คงดี แต่กรณีนี้คงมีน้อยมาก เราต้องแน่ใจว่า โฆษณาหรือแคมเปญสามารถสื่อสารได้อย่างชัดเจนและต่อเนื่อง ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผู้บริโภครู้สึกผูกพันไปกับแบรนด์อย่างสม่ำเสมอ”
ในส่วนของการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ถือเป็นอีกองค์ประกอบสำคัญ ทางนิปปอนเพนต์จะนำคุณสมบัติเด่นของสีมานำเสนอต่อผู้บริโภคในแต่ละ Segment เป็นระยะ โดยสินค้าจะมีคุณสมบัติที่สามารถป้องกัน รวมถึงแก้ปัญหาให้กับผู้ใช้แต่ละกลุ่มได้อย่างตรงจุด เนื่องจากทุกวันนี้พฤติกรรมผู้บริโภคมีความซับซ้อนมากขึ้น การแบ่งกลุ่มผู้บริโภคจากกำลังซื้อเป็นตลาดบน กลาง และล่างเช่นเดียวกับอดีตสินค้าย่อมไม่ได้รับการตอบรับ
“การเข้าตลาดก่อนหรือหลังไม่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค หากสินค้ามีคุณภาพดีกว่าย่อมได้รับการตอบรับ ผู้บริโภคยุคนี้มองที่คุณภาพเป็นสำคัญ ถ้าเลือกที่ราคาถูกก็อาจเลือกได้ แต่ต้องถามว่า ตอบสนอง Need หรือเปล่า สีวีนิเลกซ์ ไฮบริดชิลด์ไม่ได้ตอบสนองแค่ Basic Need เท่านั้น แต่ยังไร้สารพิษเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผลิตภัณฑ์ของเราเป็น Green Product”
การเปิดตัวสีนิปปอน วีนิเลกซ์ ไฮบริดชิลด์ ชนิดกึ่งเงา ไม่เพียงแต่จะเป็นงานแรกของวิทยาเท่านั้น หากแต่ยังเป็นการประกาศให้กับผู้เล่นรายอื่นในตลาดได้รับรู้ว่า จากนี้ไปนิปปอนเพนต์จะเดินเกมรุกในผลิตภัณฑ์ Decorative มากขึ้น จากที่เป็นหนึ่งในผู้นำตลาดสีอุตสาหกรรมด้วยส่วนแบ่งทางการตลาด 30% มาเสียนาน และแน่นอนว่า การสร้างแบรนด์ย่อมเป็นอีกภารกิจหนึ่งของวิทยาที่ต้องทำควบคู่ไปกับการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาด
“เมื่อพูดถึงแบรนด์นิปปอนเพนต์ ผมคิดว่า ทุกคนรู้จัก Top of Mind ของผู้บริโภคคือคุณภาพ เราจะให้ผู้บริโภคได้รับสินค้าที่แตกต่างไปจากอดีตคงไม่ได้ เพราะฉะนั้นการทำตลาดจะเน้นไปที่ความทนทาน โดยเฉพาะความเป็นคนช่างเลือก ซึ่งเป็น Overall Direction ของสีที่จะเปิดตัวในปีนี้ เราจะใช้ข้อความว่า ช่างเลือก...เลือกสีนิปปอนเพนต์ มาสื่อสารกับผู้บริโภค เพราะเป็นคำที่ตีความได้ 2 ด้าน ด้านแรก สีเป็นเรื่องของช่าง ช่างทาสีเป็นผู้เลือก และเลือกเรา อีกด้านหนึ่งสะท้อนไปถึงความเป็นคนช่างเลือกของเจ้าของบ้านที่มีความรู้ในการใช้สีมากขึ้น หากคุณเป็นคนที่ช่างเลือกก็เลือกเรา”
“แต่การทำตลาดและสร้างแบรนด์ เราจะหวังเพียงแค่การโฆษณาผ่านสื่อคงไม่พอ การเข้าถึงผู้บริโภค การสร้างการรับรู้ในแบรนด์ การสร้าง Relationship ระหว่างบริษัทผู้ผลิตกับผู้บริโภคเป็นสิ่งจำเป็น และมีบทบาทค่อนข้างสูง ลูกค้าต้องมีเหตุผลในการซื้อมากกว่าเห็นโฆษณาแล้วออกไปซื้อ สีไม่เหมือนสบู่ ยาสีฟัน หรือขนมขบเคี้ยว กว่าจะซื้อต้องใช้เวลา ต้องมี Need ในการทาสีบ้าน ถ้าบังเอิญว่าเขากำลังจะทาบ้านแล้วไปเห็นโฆษณาก็คงดี แต่กรณีนี้คงมีน้อยมาก เราต้องแน่ใจว่า โฆษณาหรือแคมเปญสามารถสื่อสารได้อย่างชัดเจนและต่อเนื่อง ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผู้บริโภครู้สึกผูกพันไปกับแบรนด์อย่างสม่ำเสมอ”
ในส่วนของการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ถือเป็นอีกองค์ประกอบสำคัญ ทางนิปปอนเพนต์จะนำคุณสมบัติเด่นของสีมานำเสนอต่อผู้บริโภคในแต่ละ Segment เป็นระยะ โดยสินค้าจะมีคุณสมบัติที่สามารถป้องกัน รวมถึงแก้ปัญหาให้กับผู้ใช้แต่ละกลุ่มได้อย่างตรงจุด เนื่องจากทุกวันนี้พฤติกรรมผู้บริโภคมีความซับซ้อนมากขึ้น การแบ่งกลุ่มผู้บริโภคจากกำลังซื้อเป็นตลาดบน กลาง และล่างเช่นเดียวกับอดีตสินค้าย่อมไม่ได้รับการตอบรับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น